- ช่วงการซื้อขาย กว้างกว่า 5% ของราคาหุ้นโดยไม่สนใจราคาเปิด ปิด
เช่น หุ้น aaa ราคา 10 บาท ในวันนั้น มีช่วงการซื้อขาย 10.1 – 10.8แต่ราคา ปิดเป็น 10.5 ก็นำเข้ามาใน list
เช่น หุ้น aaa ราคา 10 บาท ในวันนั้น มีช่วงการซื้อขาย 10.1 – 10.8แต่ราคา ปิดเป็น 10.5 ก็นำเข้ามาใน list
-volume เพิ่มจาก 10 วัน ก่อนหน้าเฉลี่ย มากกว่า 300%
เช่นหุ้น aaa 10 วันที่ผ่านมา มี volume เฉลี่ย 200000 หุ้น แต่ในวันนั้น มี volume 800000 หุ้น และให้ดูเฉพาะ ตัวที่ไม่ลบช่วงราคา คือ สภาวะของหุ้น ถ้าช่วงราคากว้าง บ่งชี้ ว่าคนซื้อไล่ตาม คนขายถอยหนี เป็นสภาวะ กระทิง หรือ ขาขึ้นสมบูรณ์แบบ volume คือ พลังหรือ power ของหุ้นช่วงราคา และ volume ประกอบกันเป็น พลังการเหวี่ยงตัว หรือ momentum
เช่นหุ้น aaa 10 วันที่ผ่านมา มี volume เฉลี่ย 200000 หุ้น แต่ในวันนั้น มี volume 800000 หุ้น และให้ดูเฉพาะ ตัวที่ไม่ลบช่วงราคา คือ สภาวะของหุ้น ถ้าช่วงราคากว้าง บ่งชี้ ว่าคนซื้อไล่ตาม คนขายถอยหนี เป็นสภาวะ กระทิง หรือ ขาขึ้นสมบูรณ์แบบ volume คือ พลังหรือ power ของหุ้นช่วงราคา และ volume ประกอบกันเป็น พลังการเหวี่ยงตัว หรือ momentum
- break ราคา high คือ มีการยอมให้ราคาที่สูงกว่าปกติแสดงว่า หุ้น ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีมากๆ ในระยะนั้นๆ เช่น break ราคาสูงสุดของ 20 วัน คือ ดีขึ้นใน 1 เดือน break 200 วัน คือ ดีขึ้นที่สุดในรอบ 1 ปี
เมื่อ ได้ list หุ้นแล้ว ให้ติดตามหุ้นตัวนั้นไปทุกวันนับแต่นั้นจำไว้ว่า อย่าเพิ่งเข้าซื้อ ขอเน้นว่า อย่าเพิ่งเข้าซื้อ เพราะ ทั้ง 3 ข้อที่กล่าวมา ยัง ไม่ได้หมายความว่า หุ้นจะขึ้นไปอย่างแท้จริงในตอนนั้นต้องรอให้หุ้นพักตัวก่อน แล้วดูลักษณะการพักหุ้นเกิน 50% ของ list จะ break ในตอนแรก แต่ยืนไม่อยู่และตกกลับในที่สุดแต่ถ้า break 200 วันขึ้นไป 90% ขึ้นแน่ๆ
ขั้นตอนนี้ จะทำการติดตาม หุ้นที่ list ไว้หุ้นที่เข้าเกณฑ์ เพื่อเตรียมซื้อ มีลักษณะดังนี้
1. break new high ในระยะเวลาหนึ่งเช่น 60 หรือ 200 วันอย่างแท้จริง (true break out)การ break แท้จริง มีลักษณะดังนี้
1) break ด้วย ช่วงราคากว้างมาก ( มากกว่า 5% ของราคา ) ข้อนี้ ไม่ต้องดู volume
2) break ช่วงไม่กว้าง แต่ volume มากกว่า volume ที่แนวต้านนี้ในครั้งก่อน
3) break ด้วยช่วงไม่กว้าง volume ไม่มาก แต่ยืนอยู่ได้ 3 วันไม่ตกกลับไป
1) break ด้วย ช่วงราคากว้างมาก ( มากกว่า 5% ของราคา ) ข้อนี้ ไม่ต้องดู volume
2) break ช่วงไม่กว้าง แต่ volume มากกว่า volume ที่แนวต้านนี้ในครั้งก่อน
3) break ด้วยช่วงไม่กว้าง volume ไม่มาก แต่ยืนอยู่ได้ 3 วันไม่ตกกลับไป
2. หลัง break มีการพักตัวอย่างดี การพักตัวที่ดี มีลักษณะดังนี้
2.1) ราคาลบไม่มาก volume น้อยลงกว่าวัน break ยิ่งน้องมากยิ่งดี
2.2) ราคาไม่ลงต่ำกว่า จุด break (pivot point หรือจุดเป็นตายของหุ้น)
2.3) เวลาพักตัวไม่นานกว่า 20 วัน ยิ่งน้อยวันยิ่งดี โดยปกติ 10 วันถือว่านานมากไปแล้ว
2.1) ราคาลบไม่มาก volume น้อยลงกว่าวัน break ยิ่งน้องมากยิ่งดี
2.2) ราคาไม่ลงต่ำกว่า จุด break (pivot point หรือจุดเป็นตายของหุ้น)
2.3) เวลาพักตัวไม่นานกว่า 20 วัน ยิ่งน้อยวันยิ่งดี โดยปกติ 10 วันถือว่านานมากไปแล้ว
3. การพักตัวเสร็จสิ้นแล้ว หุ้นจะขึ้นต่อ โดยการพักตัวเสร็จสิ้นมีลักษณะ ดังนี้
3.1 low ของวัน มีการยกตัว 2 ครั้ง
3.2 volume เพิ่มขึ้นจากวันก่อน
3.3 ช่วงราคากว้างขึ้นจากวันก่อน
3.1 low ของวัน มีการยกตัว 2 ครั้ง
3.2 volume เพิ่มขึ้นจากวันก่อน
3.3 ช่วงราคากว้างขึ้นจากวันก่อน
สรุปคือเมื่อหุ้น break แล้ว พักตัวดี และ พักตัวเสร็จให้เตรียมเข้าซื้อได้แล้ว คือ ตกลง เลือกหุ้นตัวนี้แล้ว
จุดเข้าซื้อหุ้น (entry point)
จำไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่หุ้น แสดงตัวว่า ไม่ลงต่ำกว่า pivot point (จุด break)ให้สามารถเข้าซื้อได้ทันที
หลักการนี้ จะทำให้เรา เข้าซื้อได้ 2 จุด คือ
1. ราคาที่พักตัวเสร็จสิ้น
2. ราคา ที่เหนือ กว่า high ของวัน break
หลักการนี้ จะทำให้เรา เข้าซื้อได้ 2 จุด คือ
1. ราคาที่พักตัวเสร็จสิ้น
2. ราคา ที่เหนือ กว่า high ของวัน break
ในข้อ 1 จะได้หุ้นราคาต่ำกว่า 2 แต่ ความแน่นอนน้อยกว่า
แนะนำว่า ถ้าไม่ มีเวลาเฝ้า ให้ซื้อราคา 2 แต่ถ้ามีเวลาเฝ้าจอ ให้ซื้อราคา 1
เมื่อได้จุดเข้าซื้อแล้ว ให้ซื้อแบบนี้แบ่งการซื้อเป็น 2-4 ครั้ง อย่าซื้อหมดในครั้งเดียว
เพราะถ้าหุ้นตกกลับ ท่านจะเสียหายหนักถ้าจะซื้อ 2 ครั้ง ให้ซื้อ 50% และ 50%
ถ้าจะซื้อ 3 ครั้ง ให้ซื้อ 25% 25% และ 50% ถ้าจะซื้อ 4 ครั้ง ให้ซื้อ 20% 20% 20% และ 40%
ทำไม ครั้งสุดท้ายจึงซื้อมากที่สุด เพราะ แน่ใจที่สุดว่าหุ้นขึ้นแน่ๆแล้ว
แนะนำว่า ถ้าไม่ มีเวลาเฝ้า ให้ซื้อราคา 2 แต่ถ้ามีเวลาเฝ้าจอ ให้ซื้อราคา 1
เมื่อได้จุดเข้าซื้อแล้ว ให้ซื้อแบบนี้แบ่งการซื้อเป็น 2-4 ครั้ง อย่าซื้อหมดในครั้งเดียว
เพราะถ้าหุ้นตกกลับ ท่านจะเสียหายหนักถ้าจะซื้อ 2 ครั้ง ให้ซื้อ 50% และ 50%
ถ้าจะซื้อ 3 ครั้ง ให้ซื้อ 25% 25% และ 50% ถ้าจะซื้อ 4 ครั้ง ให้ซื้อ 20% 20% 20% และ 40%
ทำไม ครั้งสุดท้ายจึงซื้อมากที่สุด เพราะ แน่ใจที่สุดว่าหุ้นขึ้นแน่ๆแล้ว
เมื่อซื้อ จน ครบแล้วรอ รอ รอ
การอ่านกราฟ ต้องยึดถือหลักการว่ารูปแบบกราฟคือ ผลรวมของทุกอย่างในตัวหุ้นนั้นแล้วผลรวมทุกอย่าง
คือ ปัจจัยพื้นฐาน ข่าวจริง ข่าวเท็จ ลับ ลวง พราง ทุกอย่าง จะสรุปสุดท้ายเป็นรูปกราฟขบวนการซื้อหุ้นทุกชนิด
คำสั่งสุดท้ายในการซื้อ จะมี 2 ปัจจัยเท่านั้น คือราคา และ ปริมาณการซื้อขาย การวิเคราะห์เทคนิค ต้องเอา 2 ปัจจัยนี้มาวิเคราะห์ร่วมกันเสมอ ไม่เช่นนั้น จะผิดพลาด
คือ ปัจจัยพื้นฐาน ข่าวจริง ข่าวเท็จ ลับ ลวง พราง ทุกอย่าง จะสรุปสุดท้ายเป็นรูปกราฟขบวนการซื้อหุ้นทุกชนิด
คำสั่งสุดท้ายในการซื้อ จะมี 2 ปัจจัยเท่านั้น คือราคา และ ปริมาณการซื้อขาย การวิเคราะห์เทคนิค ต้องเอา 2 ปัจจัยนี้มาวิเคราะห์ร่วมกันเสมอ ไม่เช่นนั้น จะผิดพลาด
การ break out หรือ การทะลุ มี 2 แบบ คือ break out แนวต้าน กับ break out แนวรับ เมื่อการเกิดการทะลุ จะเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นแล้ว อาจจะขึ้น หรือ ลง
ทำไมหุ้นถึง break กรอบการไม่เคลื่อนไหว?
ก็เพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในตัวหุ้นนั้น ดังนั้น การ break จึงเป็นสัญญาณที่สำคัญที่สุด ที่จะบอกว่า
หุ้นได้เคลื่อนไหวแล้วกำไรที่มาก จะมาจากการเล่นเมื่อ break ส่วนการเล่นในกรอบ จะกำไรน้อย เพราะมันไม่มีการเคลื่อนไหวของราคา
CR. Group line
ก็เพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในตัวหุ้นนั้น ดังนั้น การ break จึงเป็นสัญญาณที่สำคัญที่สุด ที่จะบอกว่า
หุ้นได้เคลื่อนไหวแล้วกำไรที่มาก จะมาจากการเล่นเมื่อ break ส่วนการเล่นในกรอบ จะกำไรน้อย เพราะมันไม่มีการเคลื่อนไหวของราคา
CR. Group line
No comments:
Post a Comment